[Translationshit บล็อกเนื้อเพลงแปลไทย] Sugarplum elegy - Niki

 


Sugarplum elegy - Niki
คำว่า sugarplum บนชื่อเพลง ก็เป็นคำเรียกแทนคนรักเหมือนคำว่า baby, babe แหละค่ะ ส่วนคำว่า elegy ก็อาจจะหมายถึง บทกวี บทกลอน บทเพลง เป็นบทเพลงถึงคนรัก ชื่อเพลงน่ารักมาก แต่ลองฟังดูก่อนค่ะ เราฟังเสร็จคือรู้สึกโดนนิกิหลอกด้วยชื่อเพลงเป็นรอบที่ล้าน 
เป็นเพลงที่ได้ฟีลปลายปีมากๆ สำหรับเราอะ บรรยากาศในเพลงทำให้นึกถึงเวลาอกหัก ตอนช่วงปลายปี 
แบบอากาศเย็นๆ นอนร้องไห้น้ำตาซึม ㅠ ㅠ 
เพลงดีมากอีกแล้ว mood ของเพลงก็ประมาณว่าช่วงที่ห่างๆ กับคนรัก คิดทบทวนไปมาแล้ว 
ก็คิดว่า ไม่กลับไปคบกันจะดีกว่า ภาษาดีมากๆ เราเขียนอธิบายเพิ่มเติมล่างสุดน้า 💖

Seven months older

เจ็ดเดือนผ่านไปแล้ว

Air's getting cold, our bed's startin' to creak

อากาศก็เริ่มเย็นลงแล้ว ขาเตียงเราก็เหมือนกำลังจะหัก

God knows where you are

พระเจ้าคงรู้แน่ว่าเธออยู่ที่ไหน

I'm here waiting for love through a screen

ส่วนฉันทำได้แค่รอ และจ้องหน้าจอคอยเธอส่งข้อความมาหา


You show me the outfit you chose

เธอส่งเครื่องแต่งกายที่เธอเลือกมันมาอย่างตั้งใจ

For the dinner and tonight's show

ใช้สำหรับโอกาสพิเศษใดๆ ในค่ำคืนนี้

Must be nice to be your clothes

คงจะดีนะถ้าฉันได้เป็นชุดพวกนั้นของเธอ

Second to none even at your worst

ฉันถูกมองเป็นลำดับถัดมา และมันแย่ลงเรื่อยๆ

Sometimes I wish you'd put me first

บางทีฉันอยากให้เธอมองฉันเป็นลำดับแรกบ้าง

Nowadays you're such a blur

แต่เธอก็ปล่อยผ่านมันไปตลอดเลย


We keep dancing around the innocent truth that we're just

เหมือนเรายังคงเต้นรำอยู่ท่ามกลางความใสซื่อ และไม่รู้ว่ามัน..

Out of time (ooh)

ถึงเวลาของเราแล้วล่ะ

Must I die before you feel alive? (ooh)

ฉันต้องตายก่อนไหมเธอถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง?

A curse in a graceful disguise

คำสาปที่ซ่อนมาในรูปแบบของความรักที่สวยงาม

I love you too much to stay in love

ฉันรักเธอมาก มากเกินไปที่จะทนรักเธอต่อ..


How are you darling? How are you, really?

นี่ที่รัก เธอเป็นยังไงบ้างถามจริงๆ นะ

How was Taiwan? (you never say)

ที่ไต้หวันเป็นยังไงบ้างเหรอ? (เธอไม่เห็นเคยพูดถึงเลยหนิ)

Thanks for the flowers, but you've been here hours

ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้นะ แต่เธออยู่ด้วยกันเพียงครู่นึงเท่านั้น

Yet your coat's still very much on

แต่งตัวเหมือนพร้อมที่จะจากไปไหนอีกแล้ว

Tiptoein' around the bitter truth but we both know

แต่ละก้าวที่เราเดินไปด้วยกัน ความจริงที่แสนขมขื่น และเราก็ต่างรู้ดี

It's just time (ooh)

ว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ

Must I die before you feel alive? (ooh)

แล้วฉันต้องตายก่อนไหม เธอถึงจะกลับมารักกันเหมือนเดิม?

A curse in a graceful disguise

คำสาปที่ซ่อนมาในรูปแบบของความรักที่สวยงาม


Great was our love, it was one for the books

ดีใจจังนะ ความรักของเรามันวิเศษเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง

We gave it the best we could

เราต่างพยายามอย่างดีที่สุด และมันก็ออกมาสวยงาม

But I won't recite all my lines just to watch you and I lie

แต่ฉันคงจะไม่อ่านมันใหม่ทั้งหมด เพื่อจะได้พบว่าสุดท้ายเราก็.. จบกัน

I'm so proud I got to love you once

ฉันดีใจมากนะ ที่ครั้งนึงฉันได้รักเธอ..



*Verify this ♡︎


- ท่อน You show me the outfit you chose for the dinner and tonight show. Must be nice to be your cloth” ประมาณว่า เวลาที่เธอเลือกเสื้อผ้าสำหรับโอกาสพิเศษต่างๆ เธอดูตั้งใจ และใส่ใจเสมอ มันคงจะดีนะ ถ้าฉันได้รับความใส่ใจเหมือนเสื้อผ้าของเธอบ้าง 

มีนัยสำหรับคำว่าเสื้อผ้า อาจจะหมายความว่า อยากใกล้ชิดตัวคนรักเหมือนเสื้อผ้าบ้าง เพราะช่วงนี้คนรักไม่ค่อยใส่ใจ ก็ได้ค่ะ


- ท่อนต่อมา “ Second to none even at your worst” และ “Sometime I wish you put me first

คำว่า second (ลำดับที่สอง) และ first (ลำดับแรก) หมายความประมาณว่า ฉันถูกใส่ใจเป็นลำดับถัดมาเสมอ ฉันก็แค่อยากให้เธอเอาใจใส่ฉัน และมองเห็นฉันเป็นคนสำคัญ(อันดับแรก) บ้าง เพราะ “Nowadays you such a blur” คือ ช่วงนี้เธอดูเมินเฉยกันมากเลย (ไม่ค่อยสนใจฉันเลย)


- “ Tiptoein' around the bitter truth but we both know”

Tiptoe แปลว่า ก้าวเท้า ก้าวแบบเร็วๆ


- “ Must I die before you feel alive?”

Die และ alive นิกิจะบอกว่า ต้องให้ฉันตายก่อนใช่ไหม เธอถึงจะกลับมาเหมือนมีชีวิต (กลับมาใส่ใจ) อีกครั้ง 


- “ Great was our love, it was one for the books

สำนวน one for the book หมายความว่า วิเศษมาก ดีมาก 


- “ But I won't recite all my lines just to watch you and I lie

Recite แปลว่าท่อง หรือจะหมายถึงอ่าน ประมาณว่าอ่านหนังสือ เรื่องราวของเราที่มันเคยดีมากๆ ฉันคงไม่กลับไปอ่านมันหรอก(ถึงมันจะดีมาก) เพราะฉันรู้ว่าจุดจบของเราเป็นอย่างไร 

Lie ในท่อนนี้หมายถึง ตาย ก็คือสุดท้ายแล้วเราก็ต้องจบกันนั่นเอง เหมือนหนังสือหรือนิยายที่ตอนจบมันไม่ค่อยสวยอะค่ะ


- “ I'm so proud I got to love you once” 

ท่อนนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ไม่มีอะไรจะverify แต่เป็นท่อนที่กินใจเรามาก มันมีจริงๆ นะความรู้สึกแบบ ดีใจนะที่เราเคยได้รักกัน แล้วนิกิใช้ประโยคนี้จบเพลง ทั้งทำนองเพลง และเสียงของนิกิ คือดีมาก ลงตัวมากเลยค่ะ 


สุดท้ายนี้ เราชอบเพลงนี้มาก เป็นเพลงที่เศร้ามากเช่นเดียวกัน เลยอยากจะบอกว่า เราชอบความรู้สึกตอนฟังเพลงอกหัก แต่ไม่ได้อกหักอะ งงปะ คือไม่ใช่ไม่รู้สึกอกหักเพราะไม่มีความรักนะ แต่เพราะว่ามีความรักที่ดีมาก เศร้าจากเพลงอกหักเสร็จก็อ้อนผัว ผัวรักผัวหลง ชอบมาก อยากมีโมเม้นนั้นอีกค่ะ ส่วนวันนี้จบแล้วค่า sugarplum elegy




“If only you know that I still love you

as much as I used to do, baby”



ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น